ยินดีต้อนรับเข้าสู่ เว็บไซต์ ครูเอ ค่ะ

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2551


การสร้างและตกแต่งตัวอักษรจากโปรแกรม Adobe Photoshop

ขั้นตอนการทำ
1. หลังจากเข้าโปรแกรม Adobe Photoshop ให้คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New... หรือกดคีย์ลัดบนคีย์บอร์ด Ctrl+N
2. กำหนดขนาดพื้นที่การทำงานในช่อง Preset ตามต้องการ และกำหนดค่าอื่นๆ ตามที่ต้องการ เช่น ค่าในช่อง Color mode เลือกเป็น RGB Color (สำหรับงานที่แสดงออกทางจอภาพ) เป็นต้น
3. ในการสร้างตัวอักษรให้คลิกเลือกเครื่องมือที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว T หรือกดปุ่ม T บนคีย์บอร์ด เครื่องมือนี้มีชื่อว่า Type tool ซึ่งมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่
1. Horizontal type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรตามแนวนอน
2. Vertical type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรในแนวตั้ง
3. Horizontal type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรโดยการเจาะรูปภาพมาใส่ข้างในตัวอักษรตามแนวนอน และ
4. Vertical type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรเหมือนกับข้อ 3 แต่สร้างในแนวตั้ง

การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type tool
1. เลือกเครื่องมือ Horizontal type tool แล้วคลิกบนตำแหน่งที่ต้องการสร้างตัวอักษร
2. พิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป

3. ที่ด้านล่างของ Menu bar จะมีแถบสำหรับการปรับแต่งตัวอักษรอยู่ เช่น การเปลี่ยนขนาด การเปลี่ยนฟอนต์ตัวอักษร เป็นต้น
4. เมื่อได้ข้อความตามต้องการแล้วให้คลิกที่เครื่องมือ Move tool หรือกดปุ่ม V บนคีย์บอร์ด
5. หากต้องการขยายขนาดข้อความให้คลิกที่คำสั่ง Edit แล้วเลือก Free transform หรือกด Ctrl+T บนคีย์บอร์ด เมื่อขยายหรือย่อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
6. เลือกคำสั่ง Layer > Layer style > Blending options เพื่อใส่ลูกเล่นต่างๆ ให้กับข้อความ หรือคลิก เมาส์ขวาบน Layer ของตัวอักษรที่เราสร้างขึ้นมาที่หน้าต่าง Layer ด้านขวามือแล้วเลือกคำสั่ง Blending options
7. จะปรากฏหน้าต่าง Layer style ขึ้นมา ทางด้านซ้ายมือจะมีชื่อลูกเล่นต่างๆ ดังนี้ 1. Drop shadow คือการใส่เงาให้ข้อความโดยเงาจะปรากฏด้านนอกตัวข้อความ 2. Inner shadow คือการใส่เงาให้กับข้อความแต่เงาจะปรากฏบนตัวอักษร 3. Outer glow การใส่แสงให้กับข้อความโดยแสงจะปรากฏด้านนอกตัวอักษร 4. Inner glow คือการใส่แสงด้านในตัวอักษร 5. Bevel and emboss การทำให้ตัวอักษรนูนขึ้นหรือยุบลงไป ทำให้เกิดมิติ 6. Satin คือการใส่สีเคลือบทับสีเดิมของตัวตักษร 7. Color overlay คือการใส่สีให้กับตัวอักษร 8. Gradient overlay คือการใส่สีแบบไล่เฉดสีให้กับตัวอักษร 9. Pattern overlay คือการใส่ลวดลายแบบพื้นผิวลงในตัวอักษร 10. Stroke คือการใส่สีที่ล้อมรอบด้านนอกตัวอักษร
8. เลือกใส่ลูกเล่นตามต้องการแล้วคลิก OK

การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type tool
(สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type tool แต่ข้อความจะเป็นแนวตั้ง)การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type mask tool
1. เลือกคำสั่ง File แล้วเลือก Open เพื่อเลือกรูปภาพมาหนึ่งรูป
2. เลือกเครื่องมือ Horizontal type mask tool แล้วคลิกลงบนตำแหน่งที่ต้องการบนรูปภาพที่เลือกมา
3. พื้นที่การทำงานจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม ให้พิมพ์ข้อความลงไปตามต้องการ
4. เลือกที่เครื่องมือ Move tool ส่วนที่เราพิมพ์ข้อความจะเปลี่ยนเป็นเส้นประ
5. คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New
6. ใช้เครื่องมือ Move tool คลิกเมาส์ค้าง (drag mouse) บนพื้นที่เส้นประของข้อความแล้วลากไปวางที่พื้นที่ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ สังเกตรูปเมาส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย + แล้วปล่อยปุ่มเมาส์

7. จะได้ข้อความที่ข้างในเป็นรูปภาพที่เราเลือกมา
8. ตกแต่งใส่ลูกเล่นได้เหมือนกับการสร้างข้อความด้วยเครื่องมือ Horizontal type tool
1.การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type mask tool (สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type ให้คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New... หรือกดคีย์ลัดบนคีย์บอร์ด Ctrl+N

2. กำหนดขนาดพื้นที่การทำงานในช่อง Preset ตามต้องการ และกำหนดค่าอื่นๆ ตามที่ต้องการ เช่น ค่าในช่อง Color mode เลือกเป็น RGB Color (สำหรับงานที่แสดงออกทางจอภาพ) เป็นต้น
3. ในการสร้างตัวอักษรให้คลิกเลือกเครื่องมือที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว T หรือกดปุ่ม T บนคีย์บอร์ด เครื่องมือนี้มีชื่อว่า Type tool ซึ่งมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่
1. Horizontal type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรตามแนวนอน
2. Vertical type tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษรในแนวตั้ง
3. Horizontal type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรโดยการเจาะรูปภาพมาใส่ข้างในตัวอักษรตามแนวนอน และ
4. Vertical type mask tool ใช้สร้างตัวอักษรเหมือนกับข้อ 3 แต่สร้างในแนวตั้ง

การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type tool
1. เลือกเครื่องมือ Horizontal type tool แล้วคลิกบนตำแหน่งที่ต้องการสร้างตัวอักษร
2. พิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป

3. ที่ด้านล่างของ Menu bar จะมีแถบสำหรับการปรับแต่งตัวอักษรอยู่ เช่น การเปลี่ยนขนาด การเปลี่ยนฟอนต์ตัวอักษร เป็นต้น
4. เมื่อได้ข้อความตามต้องการแล้วให้คลิกที่เครื่องมือ Move tool หรือกดปุ่ม V บนคีย์บอร์ด
5. หากต้องการขยายขนาดข้อความให้คลิกที่คำสั่ง Edit แล้วเลือก Free transform หรือกด Ctrl+T บนคีย์บอร์ด เมื่อขยายหรือย่อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
6. เลือกคำสั่ง Layer > Layer style > Blending options เพื่อใส่ลูกเล่นต่างๆ ให้กับข้อความ หรือคลิก เมาส์ขวาบน Layer ของตัวอักษรที่เราสร้างขึ้นมาที่หน้าต่าง Layer ด้านขวามือแล้วเลือกคำสั่ง Blending options
7. จะปรากฏหน้าต่าง Layer style ขึ้นมา ทางด้านซ้ายมือจะมีชื่อลูกเล่นต่างๆ ดังนี้ 1. Drop shadow คือการใส่เงาให้ข้อความโดยเงาจะปรากฏด้านนอกตัวข้อความ 2. Inner shadow คือการใส่เงาให้กับข้อความแต่เงาจะปรากฏบนตัวอักษร 3. Outer glow การใส่แสงให้กับข้อความโดยแสงจะปรากฏด้านนอกตัวอักษร 4. Inner glow คือการใส่แสงด้านในตัวอักษร 5. Bevel and emboss การทำให้ตัวอักษรนูนขึ้นหรือยุบลงไป ทำให้เกิดมิติ 6. Satin คือการใส่สีเคลือบทับสีเดิมของตัวตักษร 7. Color overlay คือการใส่สีให้กับตัวอักษร 8. Gradient overlay คือการใส่สีแบบไล่เฉดสีให้กับตัวอักษร 9. Pattern overlay คือการใส่ลวดลายแบบพื้นผิวลงในตัวอักษร 10. Stroke คือการใส่สีที่ล้อมรอบด้านนอกตัวอักษร
8. เลือกใส่ลูกเล่นตามต้องการแล้วคลิก OK
การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type tool
(สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type tool แต่ข้อความจะเป็นแนวตั้ง)การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Horizontal type mask tool
1. เลือกคำสั่ง File แล้วเลือก Open เพื่อเลือกรูปภาพมาหนึ่งรูป
2. เลือกเครื่องมือ Horizontal type mask tool แล้วคลิกลงบนตำแหน่งที่ต้องการบนรูปภาพที่เลือกมา
3. พื้นที่การทำงานจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม ให้พิมพ์ข้อความลงไปตามต้องการ
4. เลือกที่เครื่องมือ Move tool ส่วนที่เราพิมพ์ข้อความจะเปลี่ยนเป็นเส้นประ
5. คลิกที่คำสั่ง File แล้วเลือก New
6. ใช้เครื่องมือ Move tool คลิกเมาส์ค้าง (drag mouse) บนพื้นที่เส้นประของข้อความแล้วลากไปวางที่พื้นที่ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ สังเกตรูปเมาส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย + แล้วปล่อยปุ่มเมาส์

7. จะได้ข้อความที่ข้างในเป็นรูปภาพที่เราเลือกมา
8. ตกแต่งใส่ลูกเล่นได้เหมือนกับการสร้างข้อความด้วยเครื่องมือ Horizontal type tool
การสร้างข้อความโดยใช้เครื่องมือ Vertical type mask tool (สามารถทำได้เหมือนกับเครื่องมือ Horizontal type

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แบบฝึกหัดนวัตกรรม

1. นวัตกรรม คืออะไรตอบ ความคิดการกระทำต่างๆ ที่นำมาใช้ปรับปรุงเพิ่มประโยชน์ในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. นวัตกรรม ตรงกับ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไรตอบ นวัตกรรมตรงกับภาษาอังกฤษว่า innovation ซึ่งหมายความว่า การทำเอกสิ่งใหม่ที่อาจอยู่ในรูปแบบทางความคิด หรือการกระทำ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์เข้ามาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน
3. สิ่งที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมคืออะไรตอบ สิ่งที่เราคิดใหม่และเรานำสิ่งนั้นมาปฏิบัติหรือเป็นสิ่งที่เรามีอยู่เดิมเรานำมาปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงในความคิดใหม่มาทำเป็นสิ่งขิงชิ้นใหม่
4. ท่านมีแนวทางการจัดสร้างนวัตกรรมอย่างไรตอบ แนวทางในหารสร้างนวัตกรรม ของข้าพเจ้าก็จะดูจากรอบตัวเราว่าในการเรียนการสอนในแต่ละครั้งเรายังขาดสิ่งใดหรือสิ่งใดควรเสริมเข้าไปเช่นการสอนที่เป็นแบบการพูดให้เด็กฟังหน้าชั้นอาจทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่าย เรา ก็นำจุดนี้มาแก้ไขปรับปรุงโดยการคิดสื่อที่ทำให้เด็กมีส่วนเราในการเรียนการสอน เช่น สื่อการสอบแบบทันสมัยจากแบบเดิมฟังครูอย่างเดียวนั้นเราก็ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นภาพเคลื่อนไหวมีการทดลองเพื่อให้เด็กได้เห็นสิ่งแปลงใหม่ และเกิดความเล่าใจในการเรียน
5. เทคโนโลยีคืออะไรตอบ คือการนำวัสดุอุปกรณ์หรือวิธีการใดๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นระบบเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
6. คำว่าเทคโนโลยีตรงกับภาษาอังกฤษว่าอย่างไรตอบ Toweare,Contruct to weare
7. คำว่าเทคโนโลยีภาษากรีกว่าอย่างไรตอบ ตรงกับภาษากรีกในคำว่า Techologia การำทงานอย่างเป็นระบบ
8. คำว่าเทคโนโลยีภาษาลาตินว่าอย่างไรตอบ ตรงกับภาษาลาตินในคำว่า Texere
9. ข้อใดที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีตามความหมายทัศนะทางวิทยาศาสตร์กายภาพอย่างไรตอบ ทัศนะทางวิทยาศาสตร์กายภาพ คือ เครื่องยนต์กลไกลไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์10. ข้อใดเป็นเทคโนโลยีตามความหมายทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์อย่างไรตอบ ทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์ คือ การนำโครงสร้างทางด้านพฤติกรรมมากำหนดรวบรวมในกระบวนการทางด้านความคิดหรือกระบวนการสอนต่างๆ ที่เป็นพฤติกรรม
10. ข้อใดเป็นเทคโนโลยีตามความหมายทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์อย่างไร
ตอบ ทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์ คือ การนำโครงสร้างทางด้านพฤติกรรมมากำหนดรวบรวมในกระบวนการทางด้านความคิดหรือกระบวนการสอนต่างๆ ที่เป็นพฤติกรรม

ความหมายและความสำคัญของนวัตกรรมและสารสนเทศ

1.1 ความหมายของนวัตกรรมการศึกษาคำว่า นวัตกรรมการศึกษา ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Education Innovation ซึ่งหมายถึง การนำเอาสิ่งใหม่ที่อาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์เข้ามาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน ตลอดจนการบริหารจัดการทางการศึกษา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้รวดเร็วกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจและแสวงหาความรู้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมส่วนใหญ่จะเกิดจากส่วนประกอบของเทคโนโลยี ซึ่งเมื่อเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงก็มักจะทำให้นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงไปด้วย
1.2 ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษาคำว่า เทคโนโลยี เป็นคำที่ใช้ทับศัพท์คำว่า Technology ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นผลจากการศึกษาค้นพบทางด้านวิทยาศาสตร์แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้น เทคโนโลยีการศึกษาจึงหมายถึง การนำเทคโนโลยีบางอย่างมาประยุกต์ใช้ในการศึกษา เพื่อสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดได้ง่ายและรวดเร็วคำว่า นวัตกรรม และ เทคโนโลยี จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน แม้ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรร์และส่งประดิษฐ์มาประยุกต์ โดยมีกระบวนการกระทำหรือจัดการทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้นมาก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า เทคโนโลยี แทน โดยเฉพาะในปัจจุบันได้มีการประยุกต์วิธีการโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology) ซึ่งประกอบด้วยคอมพิวเตอร์และการสื่อสารทางไกลเป็นองค์ประกอบหลักเข้ามาใช้ในการศึกษา จึงมักจะเรียกว่า การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารการศึกษา หรือเรียกย่อว่า การใช้ ICT ทางการศึกษา แทนที่จะใช้คำว่า “นวัตกรรมทางการศึกษา” และเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมในการใช้คำเช่นนี้ ในบทเรียนนี้จึงขอใช้คำว่า เทคโนโลยีการศึกษา แทน โดยให้หมายถึงนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นองค์ประกอบหลักที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ทางการศึกษา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในการศึกษาปัจจุบัน
1.3 ความหมายของระบบสารสนเทศระบบที่จะนำมาใช้ในการบริหารงานในที่นี้ ได้แก่ ระบบสารสนเทศ (Information System) ซึ่ง อนันต์ เกิดดำ (2548) ได้ให้ความหมายไว้ดังนี้ระบบสารสนเทศ คือ เซ็ตขององค์ประกอบที่สัมพันธ์กันซึ่งรวบรวม ประมวล จัดเก็บและเผยเพร่สารสนเทศเพื่อสนับสนุนและการตัดสินใจและการควบคุมในองค์กร
1.4 ประเภทของระบบสารสนเทศที่ใช้ในองค์กรปัจจุบัน ระบบสารสนเทศเป็นที่นิยมใช้ในองค์กรทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ระบบสารสนเทศที่ใช้กันอยู่ในองค์กรทั่วๆไปจำแนกได้ ดังนี้
1.4.1 ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing System: TPS)ระบบประมวลผลรายการเป็นพื้นฐานของระบบธุรกิจ ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยผู้บริหารในระดับปฏิบัติการระบบจะใช้คอมพิวเตอร์ในการบันทึกรายกระประจำวันในการทำธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ระบบการสั่งซื้อ ระบบการจองห้องพัก ระบบเงินเดือนและค่าจ้าง ระบบรับและส่งสินค้าออกเนื่องจากการบริหารในระดับปฏิบัติการ งานกฎเกณฑ์และเงื่อนไขได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแน่นอนแล้ว ดังนั้นการตัดสินใจจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้แล้วเท่านั้นตัวอย่างเช่นการตัดสินใจจะให้เครดิตแก่ลูกค้าของธนาคาร สิ่งที่ผู้บริหารในระดับนี้จะตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ เขาจะทำได้เพียงแต่ตรวจว่าลูกค้ามีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้หรือไม่เท่านั้น
1.4.2 ระบบสารสนเทศเพื่องานบริหาร (Management Information System: MIS)ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารหรือที่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า ระบบ MIS คือระบบที่ผลิตสารสนเทศที่ผู้บริหารต้องการใช้ในการบริหารงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพระบบจะผลิตรายงานเพื่อผู้บริหาร บางกรณีผู้บริหารอาจจะเรียกใช้ด้วยระบบออนไลน์ โดยทั่วไปแล้วระบบ MIS จะเป็นข้อมูลภายในองค์กร ไม่เกี่ยวกับข้อมูลภายนอกหรือข้อมูลสภาพแวดล้อม ในเบื้องต้น MIS จะผลิตสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร โดยเฉพาะในด้านการวางแผน การควบคุม และการตัดสินใจ
1.4.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decistion Support System: DSS) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจส่วนมากเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารเป็นไปได้อย่างสะดวก ระบบจะสามารถสรุปหรือเปรียบเทียบข้อมูลจากทุกแหล่งไม่ว่าจะเป็นข้อมูลภายในหรือภายนอกองค์กร แหล่งข้อมูลภายใน ได้แก่ ข้อมูลในแฟ้มองค์กรที่มีอยู่แล้ว เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการขาย ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต ข้อมูลทางด้านการเงิน ข้อมูลจากแหล่งภายนอก ได้แก่ ข้อมูลด้านอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลแนวโน้มของประชากร หรือข้อมูลด้านความต้องการของตลาดโลก ระบบการตัดสินใจส่วนมากเป็นระบบที่มีการตอบโต้ระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ และจะมีความสามารถในการวิเคราะห์ค่าทางสถิติ มีตารางการทำงาน มีกราฟแบบต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้ประเมินข้อมูลในการติดสินใจในระบบการสนับสนุนการตัดสินใจที่จะก้าวหน้ามาก ผู้ใช้อาจจะสร้างแบบจำลองของปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการติดสินใจ ลักษณะของระบบสนับสนุนการตัดสินใจได้ดีอาจสรุปได้ ดังนี้
1. ระบบจะต้องใช้ช่วยผู้บริหารในกระบวนการตัดสินใจ
2. ระบบจะต้องสนับสนุนการตัดสินใจได้ทุกระดับ แต่จะเน้นที่ระดับวางแผนบริหารและวางแผนกลยุทธ์
3. ระบบมีความสามารถในการจำลองสถานการณ์ และมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์สำหรับช่วยเหลือผู้ตัดสินใจ
4. ระบบต้องสามารถติดต่อกับฐานข้อมุลในองค์กรได้
5. ระบบจะต้องเป็นระบบที่ตอบโต้กับผู้ใช้ได้ สามารถใช้งานได้ง่าย ผู้ใช้สามารถใช้งานได้โดยพึ่งความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญน้อยที่สุด1.4.4 ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Support System: ESS)ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูงเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงติดตามผลของการปฏิบัติงานขององค์การ ติดตามกิจกรรมของคู่แข่ง ชี้ให้เห็นปัญหา มองหาโอกาส และคาดคะเนแนวโน้มต่างๆ ในอนาคต ในการนำ ESS มาใช้นั้น จะต้องออกแบบให้ระบบใช้ทั้งข้อมุลภายในและภายนอกองค์กร นอกจากนี้ยังรวมเอาเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการจำลองการวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น LOTUS1-2-3, EXCEL หรือโปรแกรมตารางการทำงานอื่นๆ1.4.5 ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System)ระบบผู้เชี่ยวชาญมีส่วนคล้ายระบบอื่นๆ คือเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยบริหารแก้ไขปัญหาหรือการตัดสินใจได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี ระบบผู้เชี่ยวชาญจะแตกต่างกับระบบอื่นอยู่มาก เนื่องจากระบบผู้เชี่ยวชาญจะเกี่ยวข้องกับ การจัดการความรู้ (Knowledge management) มากกว่าสารสนเทศ และถูกออกแบบมาให้ช่วยในการติดสินใจโดยใช้วิธีเดียวกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์โดยใช้หลักการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence)ระบบผู้เชี่ยวชาญจะทำการโต้ตอบกับมนุษย์โดยมีการถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่าง ให้ข้อแนะนำ และช่วยเหลือในกระบวนการติดสินใจ นั่นคือ การทำงานคล้ายกับเป็นมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหานั้นๆ เนื่องจากระบบนี้ก็คือการจำลองความรุ้ของผู้เชี่ยวชาญจริงๆ มานั่นเอง โดยผู้เชี่ยวชาญในที่นี้อาจเป็นได้ทั้งผู้เชี่ยวชาญในการบริหาร ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องภาษี ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องยา หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในการทำอาหารก็ตาม